EP:7 การธนาคารนอกประเทศ (Offshore Banking) ช่วยอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินได้อย่างไร

EP:7  การธนาคารนอกประเทศ (Offshore Banking) ช่วยอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินได้อย่างไร

        การธนาคารนอกประเทศ (Offshore Banking) มีความเกี่ยวข้องกับความลับทางการเงิน การเพิ่มประสิทธิภาพภาษี และการบริหารจัดการความมั่งคั่งมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการฟอกเงินและการก่ออาชญากรรมทางการเงินอีกด้วย กลุ่มบุคคลและบริษัทจำนวนมากใช้ธนาคารนอกประเทศอย่างถูกกฎหมายเพื่อปกป้องทรัพย์สินและธุรกิจระหว่างประเทศ อย่างไรก็ตามสถาบันการเงินเหล่านี้มักขาดความโปร่งใส จึงเป็นเหตุให้ดึงดูดอาชญากรที่ต้องการปกปิดเงินที่ผิดกฎหมาย หลบเลี่ยงภาษี และฟอกเงินเข้ามาใช้บริการ

การที่ศูนย์การเงินนอกประเทศหรือที่เรียกกันว่าแดนปลอดภาษี กล่าวคือไม่มีการจัดเก็บภาษีหรือมีการเก็บภาษีในอัตราที่ต่ำมาก (Tax Havens) มีการกำกับดูแลที่ไม่เคร่งครัด มีการให้บริการการเป็นเจ้าของบัญชีที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน ทั้งยังมีโครงสร้างทางการเงินที่ซับซ้อน นั้นช่วยให้ผู้กระทำผิดกฎหมายสามารถโอนเงินไปได้ทั่วโลกโดยไม่ถูกตรวจพบ บทความนี้จะสำรวจว่าการธนาคารนอกประเทศช่วยอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินได้อย่างไรตลอดจนกลไกที่อาชญากรใช้และกรณีศึกษาที่สำคัญรวมทั้งแนวทางของประเทศไทยในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการธนาคารนอกประเทศที่กล่าวมานี้

ธนาคารนอกประเทศ (Offshore Banking) คืออะไร?

1. คำจำกัดความและลักษณะสำคัญ
ธนาคารนอกประเทศหมายถึงสถาบันการเงินที่ดำเนินการในเขตอำนาจต่างประเทศ (Foreign Jurisdictions) โดยมักจะมีนโยบายภาษีที่เอื้ออำนวย การคุ้มครองความลับ และการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบที่ไม่เคร่งครัด ศูนย์การเงินนอกประเทศ (Common Offshore Financial Centres) ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป ได้แก่:

  • หมู่เกาะเคย์แมน (Cayman Islands)
  • หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน (British Virgin Islands—BV)
  • สวิตเซอร์แลนด์  
  • ปานามา
  • สิงคโปร์ (OECD 2023).

ธนาคารนอกประเทศหลายแห่งเสนอบริการไม่เปิดเผยตัวตนแก่ผู้ถือบัญชี (Anonymity for Account Holders) สภาพแวดล้อมภาษีต่ำ และกฎหมายความลับที่จำกัดการเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน ทั้งนี้ แม้ว่าการธนาคารนอกประเทศจะเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมาย แต่คุณสมบัติดังที่กล่าวมาทำให้ธนาคารเหล่านี้เป็นเครื่องมือหลักสำหรับการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี (Tax Evasion) (FATF 2023)

2. เปรียบเทียบการใช้บริการทางการเงินที่ถูกกฎหมายและกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมาย

การธนาคารนอกประเทศมีประโยชน์สำหรับภาคธุรกิจและบุคคล ดังนี้:

  • การกระจายสินทรัพย์ – การถือครองเงินทุนในเขตอำนาจของประเทศต่าง ๆ หลายแห่งเพื่อป้องกันความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ
  • ประสิทธิภาพด้านภาษี – การจัดโครงสร้างความมั่งคั่งเพื่อลดภาระภาษีตามกฎหมาย
  • การอำนวยความสะดวกทางธุรกิจระหว่างประเทศ– สามารถทำธุรกรรมทางการเงินข้ามพรมแดนโดยได้ไม่มีข้อจำกัดด้านกฎเกณฑ์ของการธนาคารในท้องถิ่น

ทั้งนี้ บรรดาอาชญากรเองก็ใช้ประโยชน์จากธนาคารนอกประเทศเพื่อดำเนินการดังนี้:

  • การฟอกเงิน – ปกปิดแหล่งที่มาของเงินที่ผิดกฎหมาย
  • การหลีกเลี่ยงภาษี – หลบซ่อนสินทรัพย์จากเจ้าหน้าที่สรรพากร
  • การติดสินบนและการทุจริต – การรับและโอนเงินที่ผิดกฎหมาย (World Bank 2023)

การธนาคารนอกประเทศช่วยอำนวยความสะดวกในการฟอกเงินได้อย่างไร

1. สามขั้นตอน ในการฟอกเงินมีดังนี้

การฟอกเงินผ่านธนาคารนอกประเทศประกอบด้วยกระบวนการ 3 ขั้นตอน ดังนี้

  1. การยักย้ายเงิน – เงินที่ผิดกฎหมายจะถูกนำเข้าสู่ธนาคารนอกประเทศโดยการอำพรางว่าเป็นรายได้หรือการลงทุนทางธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  2. การปกปิด– เงินดังกล่าวจะถูกโอนผ่านบัญชีและเขตอำนาจของประเทศต่าง ๆ หลายแห่งนอกประเทศเพื่อปกปิดแหล่งที่มา
  3. การนำกลับมาใช้– นำเงินที่ถูกฟอกแล้วกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่ถูกกฎหมายอีกครั้งผ่านทางอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนขององค์กร หรือบริษัทบังหน้า (IMF 2023)

2. การใช้บริษัทบังหน้า (Shell Companies) และทรัสต์ (Trust) นอกประเทศ

อาชญากรมักจะจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทบังหน้าและทรัสต์นอกประเทศ ในเขตอำนาจของประเทศต่าง ๆ ที่ปกปิดเป็นความลับ ซึ่งช่วยให้พวกเขาสามารถ:

  • ปกปิดความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่แท้จริงไว้
  • ยักย้ายถ่ายเทเงินที่ผิดกฎหมายไปนอกประเทศโดยแทบไม่มีการกำกับดูแล
  • หลีกเลี่ยงข้อกำหนดด้านการรายงานธุรกรรมทางการเงินของกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (OECD 2023)

3. การฟอกเงินโดยอาศัยการค้า (Trade-Based Money Laundering-TBML) ผ่านบัญชีนอกประเทศ

บรรดานักฟอกเงินใช้ประโยชน์จากการเงินการค้าระหว่างประเทศโดยการ:

  • ออกใบแจ้งหนี้เกินราคาหรือออกใบแจ้งหนี้ต่ำกว่าความเป็นจริงเพื่อหลบเลี่ยงธุรกรรมที่น่าสงสัย
  • สร้างข้อตกลงนำเข้า/ส่งออกปลอมเพื่อย้ายเงินผิดกฎหมายข้ามพรมแดน (FATF 2023)

4. ความเสี่ยงจากธนาคารส่วนตัวและการบริหารความมั่งคั่ง

บริการธนาคารส่วนตัวนอกประเทศให้บริการแก่บุคคลผู้มีทรัพย์สินสุทธิสูง (High Net Worth Individuals--HNWIs) โดยให้บริการ:

  • ธุรกรรมทางการเงินที่ไม่เปิดเผยโดยมีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลเพียงเล็กน้อย
  • โครงสร้างองค์กรหลายชั้นเพื่อปกปิดความเป็นเจ้าของ (Transparency International 2023)


กรณีศึกษา: การทุจริตการธนาคารนอกประเทศและการฟอกเงิน

1. การรั่วไหลของเอกสารปานามา (2016)

เอกสารปานามาเปิดโปงบริษัทนอกประเทศ (Offshore Companies) มากกว่า 200,000 บริษัท ที่นักการเมือง ผู้นำธุรกิจ และอาชญากรใช้เพื่อปกปิดความมั่งคั่งและหลบเลี่ยงภาษี โดยที่เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวส่งผลให้เกิด:

  • การสอบสวนการฟอกเงินและการปกปิดความมั่งคั่งที่ผิดกฎหมาย
  • หน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลกเข้ากวาดล้างดินแดนปลอดภาษีนอกประเทศ (Offshore Tax Havens) (ICIJ 2023)

2. เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการฟอกเงินของธนาคาร Danske (2018)

ธนาคาร Danske ของเดนมาร์กฟอกเงินมากกว่า 230,000 ล้านดอลลาร์ผ่านเครือข่ายธนาคารนอกประเทศ (Offshore Banking Networks)  โดยส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเอสโตเนีย รัสเซีย และสหราชอาณาจักร เรื่องอื้อฉาวดังกล่าวเผยให้เห็นถึง:

  • การปฏิบัติตามกฎหมายด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างหละหลวม ในการดำเนินความสัมพันธ์กับธนาคารตัวแทนนอกประเทศ
  • ความล้มเหลวในการเฝ้าติดตามธุรกรรมที่มีความเสี่ยงสูงที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากร (IMF 2023)

3. คดีทุจริตกองทุน 1MDB (มาเลเซีย)

คดีอื้อฉาวของกองทุน 1MDB ของมาเลเซียพัวพันกับการขโมยเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ซึ่งถูกฟอกเงินผ่าน:

  • ช่องทางธนาคารนอกประเทศ สวิตเซอร์แลนด์ และสิงคโปร์
  • การซื้อสินทรัพย์ฟุ่มเฟือย เช่น อสังหาริมทรัพย์และงานศิลปะ (FATF 2023)


การตอบสนองของประเทศไทยต่อความเสี่ยงด้านการธนาคารนอกประเทศ

1. การกวาดล้างการหลีกเลี่ยงภาษีและการฟอกเงินนอกประเทศของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของประเทศไทย (ปปง.) ได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ:

  • การติดตามตรวจสอบการโอนเงินนอกประเทศสำหรับบุคคลผู้มีทรัพย์สินสุทธิสูง (High Net Worth Individuals)
  • การร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลต่างประเทศเพื่อติดตามบัญชีนอกประเทศที่ซ่อนอยู่ (AMLO 2023)

2. การปฏิบัติตามมาตรฐานด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน (FATF)  และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)
ประเทศไทยปฏิบัติตามคำแนะนำของคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงิน โดยการ:

  • บังคับใช้ข้อกำหนดด้าน KYC/AML ที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับธนาคารไทยที่ทำธุรกิจกับนิติบุคคลต่างประเทศ
  • เข้มงวดเรื่องความโปร่งใสสำหรับโครงสร้างองค์กรและบัญชีต่างประเทศมากขึ้น (FATF 2023)


ประเทศไทยยังปฏิบัติตามมาตรฐานการรายงานร่วม (Common Reporting Standard-CRS) ของ OECD ซึ่งกำหนดให้ต้องมีการ:

  • แลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินโดยอัตโนมัติระหว่างหน่วยงานด้านภาษี
  • เปิดเผยสินทรัพย์ของชาวต่างชาติที่พลเมืองไทยถือครองให้ (OECD 2023)


3. ความเสี่ยงจากคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) และการฟอกเงินนอกประเทศ

  • การแลกเปลี่ยน คริปโทเคอร์เรนซีนอกประเทศถูกใช้มากขึ้นสำหรับการฟอกเงินและการหลีกเลี่ยงภาษี
  • สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ของประเทศไทยได้กำหนดให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีต้องทำ KYC เพื่อป้องกันธุรกรรมนอกประเทศที่ผิดกฎหมาย (ธนาคารแห่งประเทศไทย 2566)


แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับภาคธุรกิจและสถาบันการเงิน

เพื่อป้องกันไม่ให้ธนาคารนอกประเทศถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน สถาบันการเงินควร:

1. ดำเนินการตามมาตรการด้านการระบุตัวตนลูกค้า (KYC) และการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริง (Due Diligence Measures) ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

  • ตรวจสอบผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงของบัญชีนอกประเทศและคัดกรองบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs) (FATF 2023)


2. ยกระดับความเข้มข้นในการเฝ้าติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน

  • ทำเครื่องหมายธุรกรรมที่น่าสงสัยที่เชื่อมโยงกับเขตปลอดภาษีนอกประเทศ (Offshore Tax Havens)


3. เสริมสร้างข้อผูกพันในการรายงาน

  • กำหนดให้ผู้อยู่อาศัยชาวไทยต้องแสดงสินทรัพย์นอกประเทศ (AMLO 2023)


4. นำ AI และการวิเคราะห์บล็อกเชน (Blockchain Analytics) มาใช้ในการตรวจจับความเสี่ยง

  • ใช้เครื่องมือตรวจสอบที่ใช้ AI เพื่อติดตามกิจกรรมนอกประเทศที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์ (IMF 2023)


บทสรุป

การธนาคารนอกประเทศ (Offshore Banking) ก่อให้เกิดทั้งผลประโยชน์ทางการเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายและความเสี่ยงต่อการฟอกเงินเป็นอย่างยิ่ง ในขณะที่เขตอำนาจบางแห่งบังคับใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเคร่งครัด แต่เขตอำนาจอื่นกลับมีกฎหมายปกป้องความลับที่เอื้อประโยชน์ต่อการไหลเวียนของเงินทุนที่ผิดกฎหมาย ทั้งนี้ประเทศไทยได้เพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับกฎระเบียบด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเพื่อปรับปรุงความโปร่งใสของการธนาคารนอกประเทศ และให้ความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลระหว่างประเทศเพื่อตรวจจับและป้องกันมิให้เกิดมีการฟอกเงิน

เมื่อกฎระเบียบระดับโลกหมุนเวียนเปลี่ยนไป ระดับความร่วมมือข้ามพรมแดนที่เพิ่มมากขึ้น กรอบการทำงานด้าน KYC ที่ได้รับการปรับปรุงพัฒนาตลอดจนข้อมูลทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วย AI ก็จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดหรือบรรเทาความเสี่ยงที่เกิดจากธนาคารนอกประเทศได้

บรรณานุกรม

AMLO. Thailand’s Offshore Banking Regulations and AML Compliance. 2023.

Bank of Thailand. Monitoring Cryptocurrency and Offshore Financial Transactions. 2023.

FATF. Offshore Banking Risks and AML Regulations. 2023. ICIJ.

The Panama Papers and Offshore Financial Secrecy. 2023.

IMF. The Global Impact of Offshore Banking and Money Laundering. 2023.

OECD. International Efforts to Regulate Offshore Banking. 2023.

Transparency International. Corruption and Offshore Shell Companies. 2023.

World Bank. Trade-Based Money Laundering and Offshore Financial Networks. 2023.

 

Powered by MakeWebEasy.com