ตอนที่ 5 - บทบาทของสกุลเงินดิจิทัลในการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน

ตอนที่ 5 - บทบาทของสกุลเงินดิจิทัลในการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงิน

        การมาถึงของสกุลเงินดิจิทัลได้ปฏิวัติภาคการเงิน สกุลเงินดิจิทัลสามารถทำธุรกรรมได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังเป็นการกระจายอำนาจ และเป็นการทำธุรกรรมแบบไร้พรมแดน อย่างไรก็ดี แม้ว่าสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum และ stablecoin จะทำให้การเข้าถึงทางการเงินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่สกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้ยังก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการฟอกเงินและอาชญากรรมทางการเงินอีกด้วย เป็นเพราะบรรดาอาชญากรใช้ประโยชน์จากสกุลเงินดิจิทัลเพื่อหลบเลี่ยงกฎระเบียบ ทำการฟอกเงินทุนที่ผิดกฎหมาย และทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมายต่าง ๆ เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลมีลักษณะเป็นนิรนาม  ง่ายต่อการโอนข้ามพรมแดน และขาดการควบคุมจากส่วนกลาง

สำหรับประเทศไทยนั้น มีการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้มากขึ้น หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องดำเนินการตามมาตรการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในภาคการเงิน โดยที่บทความนี้จะนำเสนอบทบาทของสกุลเงินดิจิทัลในการฟอกเงิน ให้น้ำหนักเรื่องความท้าทายด้านกฎระเบียบ และสำรวจแนวทางที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศไทยในการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล

ทำความเข้าใจกับสกุลเงินดิจิทัลและความน่าดึงดูดใจต่ออาชญากร

1. คำจำกัดความและประเภทของสกุลเงินดิจิทัล

สกุลเงินดิจิทัลสามารถแบ่งได้เป็น 3  ประเภทหลัก ๆ ดังนี้:

  • คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrencies)– สินทรัพย์ดิจิทัลแบบกระจายอำนาจ เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) และ Monero (XMR) ซึ่งทำงานบนเทคโนโลยีบล็อคเชนโดยไม่มีการกำกับดูแลจากส่วนกลาง (FATF 2023)

  • เหรียญคริปโทที่มีความมั่นคง (Stablecoins) – สกุลเงินดิจิทัลที่ผูกกับสกุลเงินทั่วไป (เช่น USDT, USDC) เพื่อลดความผันผวน ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในการทำธุรกรรมทางการเงิน (IMF 2023)

  • สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) – สกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซึ่งออกโดยธนาคารกลาง เช่น หยวนดิจิทัลของจีน (e-CNY) และโครงการอินทนนท์ของประเทศไทย (ธนาคารแห่งประเทศไทย 2566)

2. คุณสมบัติหลักที่อำนวยความสะดวกในการฟอกเงินซึ่งอาชญากรใช้ประโยชน์จากคุณลักษณะของสกุลเงินดิจิทัลดังต่อไปนี้เพื่อดำเนินกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย:

  • นิรนามหรือการไม่เปิดเผยตัวตน (Pseudo-anonymity)– ที่อยู่บล็อคเชนสาธารณะจะไม่เปิดเผยตัวตนของผู้ใช้ ทำให้ผู้กระทำความผิดสามารถปกปิดแหล่งที่มาของเงินได้ (Interpol 2023)

  • ธุรกรรมระหว่างบุคคล (Peer-to-Peer (P2P) Transactions) – ธุรกรรมโดยตรงที่ไม่มีตัวกลางจะขจัดการกำกับดูแลของสถาบันทางการเงิน (Europol 2023)

  • การโอนเงินข้ามพรมแดน (Cross-Border Transfers) – สกุลเงินดิจิทัลช่วยให้สามารถโอนเงินทั่วโลกได้ทันที โดยหลีกเลี่ยงกฎระเบียบการธนาคารแบบดั้งเดิม (World Bank 2023)

  • เหรียญและมิกเซอร์เพื่อความเป็นส่วนตัว (Privacy Coins and Mixers) – คริปโทเคอร์เรนซี เช่น Monero (XMR) และ Zcash (ZEC) และบริการ เช่น Tornado Cash ทำให้ธุรกรรมไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งจะทำให้การติดตามแทบจะเป็นไปไม่ได้ (FATF 2023)

อาชญากรใช้สกุลเงินดิจิทัลเพื่อฟอกเงินอย่างไร

1. การยักย้าย: การแปลงเงินสดที่ผิดกฎหมายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล

อาชญากรนำเงินที่ผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบนิเวศของคริปโทผ่าน:

  • นายหน้าซื้อขายนอกตลาดหลักทรัพย์ (Over-the-Counter Brokers) – การแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้รับการควบคุมซึ่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลขนาดใหญ่ (เป็นการซื้อขายแบบไม่เป็นทางการ ผ่านการเจรจาต่อรองกันทางโทรศัพท์ ไม่ได้กำหนดช่วงเวลาการติดต่อซื้อขายที่แน่นอนและไม่มีศูนย์กลางการจับคู่ซื้อขาย) (Europol 2023)

  • ตู้เอทีเอ็มสำหรับคริปโท (Crypto ATMs)–เครื่องจักรที่ให้การแปลงเงินสดเป็นสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่ต้องมี KYC ที่เข้มงวด (IMF 2023)

  • เว็บตลาดมืด (Dark Web Marketplaces) – แพลตฟอร์มเช่น Hydra Market (ปิดตัวลงแล้ว) อำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมยาเสพย์ติดและสินค้าผิดกฎหมายที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล (Interpol 2023)

2. การปกปิด: ปกปิดแหล่งที่มาของเงิน

นักฟอกเงินปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สินที่ผิดกฎหมายผ่าน:

  • การโยกย้ายแบบลูกโซ่ – การโอนเงินข้ามบล็อคเชนหลายบล็อค (เช่น BTC ไปเป็น ETH ไปเป็น USDT) เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตาม (FATF 2023)

  • การผสมและปั่นเข้าด้วยกัน – บริการที่รวบรวมธุรกรรมคริปโตเพื่อทำลายเส้นทางธุรกรรม (อินเตอร์โพล 2023)

  • เว็บไซต์การพนัน – คาสิโนออนไลน์และแพลตฟอร์มการพนันที่ยอมรับคริปโตเป็นอีกวิธีหนึ่งสำหรับขั้นตอนในการปกปิด (OECD 2023)

3.การนำกลับมาใช้: การแปลงคริปโต ที่ถูกฟอกเงินเป็นสินทรัพย์ที่ถูกกฎหมาย เงินที่ถูกฟอกแล้วก็จะกลับเข้าสู่ระบบการเงินที่ถูกกฎหมายอีกครั้งผ่าน:

  • การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และสินค้าฟุ่มเฟือย (Real Estate and Luxury Goods Purchases)– อสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และเครื่องประดับระดับไฮเอนด์ที่ซื้อด้วยสกุลเงินดิจิทัล (World Bank 2023)

  • การซื้อขาย NFT Wash – การเพิ่มราคา NFT ผ่านธุรกรรมปลอมเพื่อทำให้กองทุนที่ผิดกฎหมายถูกต้องตามกฎหมาย (IMF 2023)

  • บัตรเดบิตคริปโต – บัตรเติมเงินที่ใช้สกุลเงินคริปโตสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของเงิน (ธนาคารแห่งประเทศไทย 2566)

กรณีที่น่าสังเกตของการฟอกเงินคริปโทเคอร์เรนซี

1. การแฮ็ก Bitfinex (2016) และการฟอกเงินผ่าน Crypto Mixers

  • ในปี 2559 Bitfinex สูญเสีย BTC ไป 119,754 หน่วย (มูลค่าในปัจจุบันประมาณ 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ให้กับบรรดาแฮกเกอร์ ผู้ฟอกเงินใช้บริการผสมและการแลกเปลี่ยนคริปโตหลายแห่งเพื่อปกปิดเส้นทางก่อนที่จะพยายามถอนเงินออกมาเป็นเงินสด (Europol 2023)

2. การฟอกเงินคริปโตของเกาหลีเหนือสำหรับโครงการนิวเคลียร์

  • กลุ่ม Lazarus ซึ่งเป็นกลุ่มอาชญากรทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ ได้ฟอกเงินคริปโตที่ขโมยมาได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์ผ่านแพลตฟอร์มและตัวกลางทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) เพื่อระดมทุนให้กับโครงการนิวเคลียร์ (Interpol 2023)

3. คดีฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัลของไทย: คดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D

  • ในกรณีการฉ้อโกง Forex-3D ของไทย ผู้ฉ้อโกงหลอกล่อให้นักลงทุนซื้อขาย Forex ปลอมโดยใช้ “คริปโทเคอร์เรนซีฟอกเงินหลายพันล้านบาทผ่านการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลและบัญชีต่างประเทศ (offshore accounts) (AMLO 2023)

การตอบสนองของหน่วยงานกำกับดูแลของประเทศไทยต่อการฟอกเงินในรูปแบบคริปโต

1. กฎระเบียบด้านคริปโตของธนาคารแห่งประเทศไทย

  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้บังคับใช้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้การแลกเปลี่ยนคริปโตและนายหน้าต้องลงทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และปฏิบัติตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (Bank of Thailand 2023)

2. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และการกำกับดูแลคริปโต

  • สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกำหนดให้ธุรกิจคริปโตต้องดำเนินการ KYC และส่งรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย (SAR) สำหรับธุรกรรมขนาดใหญ่ (AMLO 2023)

3. การออกกฎห้ามชำระเงินด้วยสกุลเงินคริปโตสำหรับสินค้าและบริการของประเทศไทย

  • ในปี 2555 ประเทศไทยได้ออกกฎห้ามการชำระเงินด้วยสกุลเงินคริปโตสำหรับสินค้าและบริการเพื่อป้องกันการใช้ในทางที่ผิด ทว่าอนุญาตให้มีการซื้อขายคริปโตได้โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ควบคุม (Thai SEC 2023)

4. กฎการเดินทางของ FATF และการปฏิบัติตามของประเทศไทย

  • เพื่อความโปร่งใส ประเทศไทยนำกฎการเดินทางของ FATF มาใช้ โดยกำหนดให้ต้องมีการบันทึกและแบ่งปันรายละเอียดธุรกรรมที่เกิดจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโต (FATF 2023)

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับสถาบันทางการเงินและธุรกิจ

เพื่อลดความเสี่ยงจากการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต สถาบันทางการเงินและผู้ประกอบธุรกิจควรนำแนวทางปฏิบัติเหล่านี้มาใช้:

1. มาตรการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงที่เข้มข้นขึ้น (Enhanced Due Diligence) สำหรับธุรกรรมคริปโต

  • นำเครื่องมือตรวจสอบธุรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้เพื่อตรวจจับกิจกรรม crypto ที่น่าสงสัย (OECD 2023)

2. การระบุตัวตนลูกค้า (KYC) และการยืนยันตัวตนสำหรับผู้ใช้คริปโต (Crypto users)

  • กำหนดให้มีการยืนยันตัวตนและหลักฐานการเงินสำหรับธุรกรรมขนาดใหญ่ (FATF 2023)

3. ความร่วมมือกับบริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน

  • ร่วมมือกับ Chainalysis, Elliptic และ TRM Labs เพื่อติดตามบล็อคเชนแบบเรียลไทม์ (Interpol 2023)

4. การฝึกอบรมการปฏิบัติตามกฎระเบียบและการอัปเดตกฎระเบียบเป็นประจำ

  • ให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเกี่ยวกับแนวโน้มการก่ออาชญากรรมที่เกี่ยวกับคริปโตตลอดจนบรรดากฎระเบียบที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง (ธนาคารแห่งประเทศไทย 2023)

บทสรุป

สำหรับในภูมิทัศน์ทางการเงินระดับโลกแล้วสกุลเงินดิจิทัลนำมาซึ่งโอกาสและความเสี่ยง แม้ว่าจะนำเสนอประเด็นด้านประสิทธิภาพและการกระจายอำนาจทางการเงิน แต่การใช้สกุลเงินดิจิทัลในทางที่ผิดเพื่อการฟอกเงิน การฉ้อโกง และกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายก็สร้างปัญหาและความท้าทายต่อหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก

สำหรับประเทศไทย การทำให้มั่นใจในการสร้างกรอบงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่แข็งแกร่ง การนำการวิเคราะห์บล็อคเชนมาใช้ และการบังคับใช้กฎระเบียบการปฏิบัติตามข้อกำหนดถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมสกุลเงินคริปโตกับความมั่นคงปลอดภัยทางการเงิน ในขณะที่อาชญากรยังคงแสวงหาประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง สถาบันการเงินและหน่วยงานกำกับดูแลต้องก้าวล้ำนำหน้าด้วยมาตรการเชิงรุกและการตรวจสอบที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเพื่อปกป้องคุ้มครองระบบการเงินเอาไว้ให้มั่นคงปลอดภัย

บรรณานุกรรม

AMLO. Thailand’s Anti-Money Laundering Office and Crypto Compliance. 2023.
Bank of Thailand. Crypto Regulations and AML Compliance in Thailand. 2023.
Europol. Crypto Laundering Tactics and Financial Crime Trends. 2023. FATF. Digital Assets and AML Compliance Guidelines. 2023.
IMF. The Risks of Cryptocurrencies in Money Laundering. 2023.
Interpol. International Crypto Crime and Law Enforcement Strategies. 2023.
OECD. Tax Evasion and Illicit Finance in the Crypto Sector. 2023.
Thai SEC. Regulatory Measures on Cryptocurrency Transactions in Thailand. 2023.
Transparency International. Blockchain, Corruption, and Financial Transparency. 2023.
World Bank. Cryptocurrency and Cross-Border Money Laundering Risks. 2023.

Powered by MakeWebEasy.com