มาตรการคว่ำบาตรเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพซึ่งรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ (UN) สหภาพยุโรป (EU) และคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อปฏิบัติการทางการเงิน (FATF) นำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งการกระทำความผิดอาญา การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการละเมิดสิทธิมนุษยชน กระนั้นก็ดี บุคคลธรรมดา นิติบุคคลและแม้แต่รัฐนอกกฎหมายที่ถูกคว่ำบาตร ต่างก็ได้พัฒนาเทคนิคการฟอกเงินที่ซับซ้อนเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและดำเนินกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายต่อไป (FATF 102)
การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและการฟอกเงิน (Sanctions evasion and money laundering) มีความเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด โดยอาชญากรจะใช้บริษัทบังหน้า (shell companies) ธนาคารนอกประเทศ ตลอดจนคริปโทเคอร์เรนซี และการฟอกเงินโดยอาศัยการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดทางการเงิน ประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีเหนือ อิหร่าน และรัสเซีย ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรขนาดใหญ่ (large-scale sanctions evasion schemes) ทำให้ปัญหานี้เป็นประเด็นสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับหน่วยงานกำกับดูแล สถาบันการเงิน และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย
ประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญของภูมิภาค กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากเครือข่ายการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่พยายามแสวงหาประโยชน์จากระบบการกำกับดูแลทางการเงินที่อ่อนแอ ช่องโหว่ทางการค้า และระบบธนาคารนอกประเทศ บทความนี้จะสำรวจและแสดงให้เห็นว่าอาชญากรทำการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรกันอย่างไร ตลอดจนยกตัวอย่างกรณีศึกษาการละเมิดกฎหมายที่สำคัญ และการตอบสนองของประเทศไทยต่อการปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินทั่วโลก (Global AML Compliance)
การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรมีหลักปฏิบัติอย่างไร
1. วัตถุประสงค์และผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
มาตรการคว่ำบาตรมีไว้เพื่อ:
- ยับยั้งกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายซึ่งรวมถึงการสนับสนุนการก่อการร้ายและการค้าอาวุธ
- ป้องกันไม่ให้ประเทศและบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรเข้าถึงตลาดการเงินโลก
- ทำลายเครือข่ายการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับแก๊งค้ายาเสพติด การทุจริต และการละเมิดสิทธิมนุษยชน (World Bank 134).
ปกปิดกระแสเงินทุนและยังคงสถานะของการเข้าถึงระบบธนาคารโลก (IMF 98)
2. วิธีการทั่วไปที่ใช้ในการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
ก) การใช้บริษัทบังหน้าและการธนาคารนอกประเทศ (Use of Shell Companies and Offshore Banking)
- อาชญากรสร้างบริษัทบังหน้าในเขตการปกครองที่มีการบังคับใช้กฎหมายต่อต้านการฟอกเงินที่อ่อนแอ
- มีการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารนอกประเทศ (offshore accounts) ในประเทศปลอดภาษี (tax havens) เช่น หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ไซปรัส และหมู่เกาะเคย์แมน (OECD 121)
- เหตุการณ์ตัวอย่าง: ประเทศเกาหลีเหนือใช้บริษัทบังหน้าในฮ่องกงและมาเลเซียเพื่อปกปิดการซื้อขายอาวุธและธุรกรรมทางการเงิน (Interpol 88).
ข) การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรโดยทางการค้า (Trade-Based Sanctions Evasion--TBML)
- หน่วยงานที่ถูกคว่ำบาตรทำการบิดเบือนใบแจ้งหนี้การค้า (manipulate trade invoices) เพื่อเคลื่อนย้ายเงินโดยสามารถหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับได้
- การขนส่งปลอม ๆ และการออกใบแจ้งหนี้ที่ไม่ตรงความจริง (Phantom shipments and misinvoicing) ทำให้เกิดการโอนเงินผิดกฎหมายข้ามพรมแดน (FATF 107)
- เหตุการณ์ตัวอย่าง: อิหร่านใช้การส่งออกน้ำมันปลอม ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันตลอดจนฟอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์ผ่านธนาคารทั้งในทวีปยุโรปและเอเชีย (Bank of Thailand 77).
ค) การฟอกเงินคริปโตเคอร์เรนซีและสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Laundering and Digital Currencies)
- บิตคอยน์ โมเนโร และเหรียญความเป็นส่วนตัว (Bitcoin, Monero, and privacy coins) เป็นช่องทางให้ผู้ถูกคว่ำบาตรสามารถเคลื่อนย้ายเงินได้โดยไม่ต้องระบุตัวตน
- การแลกเปลี่ยนแบบกระจายศูนย์ (Decentralized exchanges--DEX) และธุรกรรมแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) สามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของการธนาคารแบบดั้งเดิมได้ (Interpol 94)
- เหตุการณ์ตัวอย่าง: รัสเซียใช้การแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรทางธนาคาร (Bank SWIFT) ตั้งแต่ปี 2565 (OECD 128)
ง) ตัวกลางบุคคลที่สามและบัญชีม้า (Money Mules)
- นิติบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรใช้บุคคลหรือธุรกิจในประเทศที่เป็นกลางเพื่อเคลื่อนย้ายเงินทุนในนามของตน
- ตัวกลางเหล่านี้ช่วยปกปิดธุรกรรมทางการเงินโดยการนำเงินผ่านภูมิภาคที่ไม่ถูกคว่ำบาตร (IMF 87)
กรณีศึกษา: การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและอาชญากรรมทางการเงิน
1. การใช้บริษัทบังหน้าของเกาหลีเหนือ (2017)
- เจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือใช้บริษัทบังหน้าในประเทศจีน สิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อเข้าถึงระบบธนาคารทั่วโลก
- มีการฟอกเงินผ่านการค้าถ่านหิน อาหารทะเล และสินค้าฟุ่มเฟือย แม้จะมีมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติก็ตาม
- สหประชาชาติขึ้นบัญชีดำธนาคารและตัวกลางทางการเงินหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการข้างต้น (FATF 115)
2. เครือข่ายการฟอกเงินน้ำมันของประเทศอิหร่าน (2019)
- อิหร่านหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันของสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปโดยใช้บริษัทบังหน้าในตุรกีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพื่อขายน้ำมัน
- โครงการนี้โอนเงินหลายพันล้านดอลลาร์ผ่านธนาคารในยุโรป โดยการสวมรอยปลอมแปลงเป็นธุรกรรมการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย
- เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดทรัพย์สินที่เชื่อมโยงกับสถาบันการเงินของอิหร่านที่เกี่ยวข้องกับการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร (OECD 134)
3. การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่ใช้คริปโตเคอร์เรนซีของรัสเซีย (2022)
- หลังจากมาตรการคว่ำบาตรธนาคารรัสเซียของชาติตะวันตก รัสเซียได้หันมาใช้คริปโตเคอร์เรนซีเพื่อเคลื่อนย้ายสินทรัพย์ทางการเงินไปทั่วโลก
- กลุ่มผู้มีอำนาจในรัสเซียใช้แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตแบบกระจายศูนย์และกระเป๋าเงินส่วนตัว (decentralized crypto exchanges and privacy wallets) เพื่อหลีกเลี่ยงการแบนการใช้งานระบบ SWIFT ของธนาคาร
- หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้ขึ้นบัญชีดำแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตหลายแห่งที่เชื่อมโยงกับสถาบันการเงินของรัสเซีย (Interpol 89)
การตอบโต้ของประเทศไทยต่อการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
1. การปฏิบัติตามกฎระเบียบว่าด้วยการคว่ำบาตรระดับโลกของไทย
- ประเทศไทยปฏิบัติตามแนวทางของ FATF และ UN เกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร ซึ่งรวมถึง:
- การเฝ้าตรวจสอบสถาบันการเงินสำหรับ (Monitoring financial institutions) การละเมิดมาตรการคว่ำบาตร
- การสกัดกั้นบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร (Blocking sanctioned individuals) ไม่ให้เข้าถึงบริการธนาคารของไทย
- การติดตามเส้นทางธุรกรรมข้ามพรมแดนที่มีความเสี่ยงสูง (Tracking high-risk cross-border transactions) (AMLO 56)
2. กำหนดมาตรการด้าน KYC และการควบคุม AML ในสถาบันการเงินให้เข้มงวดขึ้น
- ธนาคารไทยต้องคัดกรองลูกค้าตามรายชื่อผู้ที่ถูกคว่ำบาตรระดับโลก (screen customers against global sanctions lists) ก่อนการเปิดบัญชี
- สถาบันการเงินต้องรายงานธุรกรรมที่น่าสงสัยใด ๆ ที่เชื่อมโยงกับนิติบุคคลที่ถูกคว่ำบาตร (BoT 63)
3. ปรับปรุงกฎระเบียบคริปโทเคอร์เรนซีเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยง
- สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของประเทศไทยได้บังคับใช้:
- วางกฎเกณฑ์ด้าน KYC สำหรับการแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีให้เข้มงวดมากขึ้น
- กำหนดหลักเกณฑ์และข้อกำหนดการรายงานธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย (STR) สำหรับธุรกรรมคริปโทขนาดใหญ่
- ห้ามการแลกเปลี่ยนคริปโทที่ไม่ได้รับอนุญาตที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน FATF (OECD 119)
4. กฎระเบียบด้าน AML โดยทางการค้า (Trade-Based AML Regulations) เพื่อตรวจจับการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
- หน่วยงานศุลกากรของไทยตรวจสอบธุรกรรมการค้าที่เกี่ยวข้องกับเขตการปกครองที่ถูกคว่ำบาตร
- ระบบตรวจสอบธุรกรรมที่ขับเคลื่อนด้วย AI ตรวจจับความผิดปกติในกิจกรรมทางการเงินการค้า (Interpol 102)
แนวปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับสถาบันการเงินเพื่อป้องกันการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
1. การนำระบบคัดกรองมาตรการคว่ำบาตรที่ขับเคลื่อนด้วย AI (Al-Powered Sanctions Screening) มาใช้
- เครื่องมือตรวจสอบทางการเงินที่ใช้ AI จะช่วยคัดกรองบุคคลและนิติบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรโดยอัตโนมัติ
- AI สามารถตรวจจับเทคนิคการจัดชั้นที่ซับซ้อนซึ่งใช้เพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงินทุนได้ (World Bank 122).
2. มาตรการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงที่เข้มข้นขึ้น (Enhancing Due Diligence on High-Risk Clients)
- สถาบันการเงินควรดำเนินการตามมาตรการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงที่เข้มข้นขึ้น (Enhanced Due Diligence: EDD) กับบุคคลที่มีสถานภาพทางการเมือง (PEPs)
- ควรเพิ่มการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อลูกค้าจากเขตปกครองที่มีความเสี่ยงสูง (FATF 113)
3. เสริมสร้างการปฏิบัติตามกฎระเบียบในการทำธุรกรรมคริปโตเคอร์เรนซีให้แข็งแกร่งขึ้น
- บังคับใช้มาตรการด้าน KYC สำหรับธุรกรรมคริปโตทั้งหมดที่เกินเกณฑ์ที่กำหนด
- กำหนดให้ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตต้องรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัยต่อหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน (OECD 128)
4. ขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร
- รัฐบาลควรร่วมมือกับสถาบันการเงิน หน่วยงานกำกับดูแลการค้า และบริษัทฟินเทค เพื่อต่อสู้กับการหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
- การแบ่งปันข้อมูลที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นและความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ช่วยปรับปรุงการบังคับใช้กฎหมาย (IMF 98)
บทสรุป
การหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและการฟอกเงินยังคงเป็นความท้าทายหลักระดับโลก โดยที่บรรดาอาชญากรจะใช้บริษัทบังหน้า ธนาคารนอกประเทศ สกุลเงินดิจิทัล และการฟอกเงินทางการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดและมาตรการต่าง ๆ ทางการเงิน ทั้งนี้ ประเทศต่างๆ เช่น เกาหลีเหนือ อิหร่าน และรัสเซีย ยังคงใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ในระบบการเงินเพื่อหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรและดำเนินกิจกรรมทางการเงินที่ผิดกฎหมายต่อไป
ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการสำคัญเพื่อเสริมสร้างกฎระเบียบด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (AML) บังคับใช้มาตรฐานด้าน KYC และตรวจสอบติดตามธุรกรรมทางการเงินที่มีความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม ยังจำเป็นต้องมีความพยายามเพิ่มเติมเพื่อขยายการติดตามธุรกรรมที่ขับเคลื่อนโดย AI ตลอดจนเพื่อควบคุมธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลที่มีความเสี่ยงสูง และยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ
จากการที่เครือข่ายอาชญากรรมทางการเงินมีความซับซ้อนมากขึ้น รัฐบาล สถาบันการเงิน และหน่วยงานกำกับดูแลต้องทำงานร่วมกันเพื่อปิดช่องโหว่และปรับปรุงมาตรการปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว
Works Cited
AMLO. Thailand's Financial Compliance Measures Against Sanctions Evasion. 2023.
Bank of Thailand. Risk-Based AML Controls in Financial Institutions. 2023.
FATF. Guidelines on Sanctions Evasion and Financial Crime Prevention. 2023.
IMF. The Economics of Sanctions and Money Laundering in Global Markets. 2023.
Interpol. Cryptocurrency and Dark Web Transactions in Sanctions Evasion. 2023.
OECD. International Sanctions and the Financial System. 2023.
World Bank. Advanced Technologies for Detecting Sanctions Evasion in Trade. 2023.